8.30.2554

Review: Chenel Rouge Coco Shine "Bonheur"

สวัสดีค่ะ ทุกคนนนนน พอบทจะมาก็ถี่เชียว
คือ....จริงๆมีรีวิวดองไว้เยอะอ่ะ -_- อยากใส่ไว้ในเดือนนี้อีกซักอัน
โอเค เข้าเรื่อง วันนี้มารีวิว lipstick อีกแล้ววว เป็นของป้าแนล Chanel นั่นเอง...

ปีที่แล้วตอน Chanel ออก Rouge Coco เป็นลิปครีมเนื้อแน่น เราก็ได้ลอง
พอมาปีนี้ อกกเป็น Rouge Coco Shine แท่งเรียวเล็กกว่า ชุ่มฉ่ำกว่า
จะเป็นยังไงไปดูกัน


logo C ไขว้ สวยงามมมม


แท่งจะบางและดูเหมือนยาวกว่า Rouge Coco แต่จับถนัด กระชับมือไม่แพ้กัน
ที่สำคัญมีเสียง "click" อันเป็นเองลักษณ์ :)


สีที่ได้มาคือเบอร์ 61 Bonheur ในรูปนี้สีค่อนข้างเพี้ยน จริงเป็นแดงม่วงก่ำๆ
โทนสีโปรดเลยยยยย ^^


สีจริงเป็นประมาณนี้ แดงม่วง แต่บางเบาและมีความแวววาว ชุ่มชื้น มี glitter เล็กๆ
แต่ทาไปแล้วไม่ค่อยเห็นนะ ส่วนกลิ่น ก็ตาม style Chanel จะออกกุหลาบฟุ้งๆ


ทาไปบนปาก จะเห็นได้ว่ากลบสีปากไม่มิด มันจะใสๆ ดูแรงแต่ออกมาไม่แรงเนอะ
กลับกลายเป็นลิปที่ทาได้ทุกวัน ไม่หวานไป ไม่แรงไป (รูปหน้าตอนทาสว่างไปหน่อยนะจ๊ะ)

 

สวยยยยยย อิอิ


หมดและ วันนี้มาไว เคลมไว เป็น post สั้นๆ จะได้ไม่คิดว่าเค้าหายไปไหนเนอะ
(หายอะไรแกเพิ่ง post review แปรงเมื่อวันก่อน -*-) เอาหละ ไปแล้ววว ดูแลตัวเองด้วยจ้า ^^

8.26.2554

Review: The Real Techniques Brushes แด่ Pixiwoo ที่รักยิ่ง!!

สวัสดีค่ะ ทุกคนนนนน คิดถึงรีวิวเค๊าม๊ายยยยยยยย หายไป 20 วันนน (............เงียบกริบ........)
ขอสารภาพว่าสิ่งที่กำลังจะรีวิววันนี้ได้มาเกือบ 2 เดือน ถ่ายรูปไว้นานมากแล้ว
แต่เพิ่งมีเวลาลงจริงๆ T_T

สิ่งนี้...ไม่มีเมืองไทยอีกแล้วคร๊าบบบบบบบบบบบบ มันคือชุดแปรง The Real Techniques
ที่ออกแบบโดย Samantha Chapman แห่ง Pixiwoo ณ Youtube
คนนี้เรารัก มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ขอบอก ดูทุกวัน ดูซ้ำดูซาก ฮ่าๆ
อันนี้ข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากทั้ง UK และ USA เพราะสั่ง 2 รอบนั่นเอง

แปรงนี้ราคาไม่แพงนะคะ และทำจาก taklon ซึ่งเป็นขนสังเคราะห์ เพราะแซมเอง
เธอต่อต้านการใช้ขนสัตว์ในการผลิต (แต่ VDO ธรรมดา เธอก็ใช้แปรงขนสัตว์นะ เง้อออ)
เราว่าสิ่งที่เธอจะบอกก็คือ ไม่จำเป็นต้องเป็นแปรงขนสัตว์ ก็สามารถสร้างสรรค์งานได้สวยเหมือนกัน

อ่ะ มาดูหน้าตากันก่อน



แซมบอกว่า "My online tutorials share the real techniques behind makeup artistry.
With simple tips and high-tech tools, everyone can be an expert."

"วิธีการสอนของฉันแบ่งปันเทคนิคที่ใช้จริงๆในการสร้างสรรคศิลปะแห่งการแต่งหน้า
และด้วยทิปส์ง่ายๆ และอุปกรณ์ที่ดี ใครๆก็เป็นผู้เชี่ยวชาญได้".... รักกกกกกกก ^3^

อายได้มา 2 set กับอีก 1 ด้ามนะคะ เป็น Starter Set ซึ่งเป็นแปรงตาทั้งหมด
Core Collection ซึ่งเป็นส่วนของการเตรียมผิวหน้า และแปรงแป้งที่ใหญ่ โต มากกกกกกก

มาเริ่มกันที่ Core Collection ก่อนเลยเน๊อะ

มาพูดถึงตัวกระเป๋ากันก่อนเลยเนอะ เป็นกระเป๋าผ้าแบบพับเก็บได้ มียางยืดให้ใส่แปรงแต่ละด้าม
หรือจะกางกระเป๋าออกและพับลง ก็ทำให้ได้ที่วางแปรง เก๋ๆ!!

อ่า แต่ส่วนตัวเราว่าการวางตั้งแปรงไม่ค่อยจำเป็นนะ เพราะยางยืดมันค่อนข้างแน่น ถ้าวางตั้งไว้
แล้วให้ดึงมาใช้ ดึงไม่ออกแน่ๆ แต่ที่มีประโยชน์คือเวลาตากแปรง สามารถตากแบบตั้งได้เลย :)

มาดูกันที่แปรงแต่ละตัว set นี้ประกอบด้วยแปรง 4 อัน ตามนี้นะคะ
แปรงเก็บรายละเอียด Detailer Brush/ แปรงรองพื้นเล็ก Pointed Founadtion Brush/
แปรงบัฟ Buffing Brush และ แปรงสำหรับคอนทัวร์ Contour Brush 



Contour Brush
แปรงทรงรีหัวมน ขนาดความยาวพอดีๆ ขนแปรงนิ่มมากกๆๆๆๆ ใช้จิ้มเข้าใต้โหนกแก้มได้เยี่ยม
นอกจากนั้นเรายังสามารถนำไว้ใช้ลงแป้งใต้ตาด้วย เพราะมีความโค้งพอดีกับช่วงนั้นเลยค่ะ :)


 
Pointed Foundation Brush
แปรงลงรองพื้นขนาดเล็ก อันนี้ชอบบบบบ คือเราเป็นคนไม่ลงรองพื้นทั้งหน้าอยู่แล้ว ลงแค่บางจุด
แปรงนี้จึงตอบโจทย์มาก ด้วยขนแปรง ความแบนที่พอดี หัวที่แหลม ทำให้สามารถเข้าถึงร่องแก้มได้
และขนแปรงไม่กินเนื้อผลิตภัณฑ์มากจนเกินไป (อันนี้ส่วนใหญ่เราใช้กับรองพื้นสูตรน้ำนะคะ)

 
Detailer Brush
ตรงๆตัวเลยคือแปรงเก็บรายละเอียด ซึ่งจริงๆแซมเคลมว่าสามารถใช้เป็น lip brush ได้ด้วย
แต่ส่วนตัวเราว่ามันเล็กเกินจะทาปากนะ แต่ถ้าไว้เก็บรายละเอียดรอยสิว ก็ทำได้ดีค่ะ



Buffing Brush
ตัวสุดท้ายของ set ตัวนี้ใช้สำหรับผลิตภัณฑ์พวก mineral แต่อายก็ใช้กับแป้งธรรมดานะ
แล้วก็ชอบมาก เพราะด้วยความที่หัวมันกึ่งมนกึ่งตัด ทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์ลงไปอยู่บนหน้าเราจริงๆ
แล้วอีกอย่างมันนุ่มมาก ไม่บาดหน้าเลย เคลิ้มมมมมมมมม


ไปกันที่ set ต่อไป

 

Starter Set ประกอบไปด้วยแปรง 5 อันนะคะ ได้แก่ แปรงลงสีพิ้น Base Shadow Brush/
แปรงคัดเบ้าตา Deluxe Crease Brush/ แปรงสำหรับจุดเล็กๆ Accent Brush/
แปรงอายไลเนอร์ Pixel-Point Eyeliner Brush และแปรงเขียนคิ้ว Brow Brush

 

Deluxe Crease Brush
เป็นแปรงทรงพุ่ม ตามชื่อก็คือ เอาไว้คัดเบ้าตา แต่ทว่าเราเป็นคนตาเล็ก พื้นที่หนังตาก็ไม่ได้เยอะ
ก็เลยเอามาใช้เป็นแปรง blend concealer ใต้ตา วิธีนี้ก็ได้มาจากแซมอีกนั่นแหละ ลองทำดูแล้วชอบมาก
เพลินสุดๆ ตอนนี้เลยไม่ได้ใช้กับ eye shadow เลย อิอิ

ปล*หลังจากการล้างแปรงมา 1 ครั้ง พบว่า แปรงอันนี้ขนหลุดมากที่ (ไม่กี่เส้น อ่ะนะ) แต่ก็

ไม่เลวร้ายอะไรค่ะ รับได้ :)

 

Base Shadow Brush

อันนี้เป็นแปรงลงสี eye shadow ธรรมดา รูปทรงเป็นแปรงกึ่งแบน ทรงยาวและหัวค่อนข้างเรียวแหลม
ซึ่งอาจจะดูแปลกตา แต่ก็มีข้อดีตรงที่ ส่วนหัวแหลมๆนี่แหละ สามารถทำให้เราสร้างโครง V-shape
บนเปลือกตาได้ โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนไปใช้แปรงหัวดินสอ

 

Accent Brush
แปรงหัวเล็กที่ทำได้สารพัดอย่าง ทั้งลงสีใต้ตา ฝน (smudge) eyeliner บนเปลือกตาให้ดูฟุ้งๆ
หรือจะจิ้มสี highlight ที่หัวตาก็ได้

 

Pixel-Point Eyeliner Brush

เป็นแปรง eye liner ที่เหมือนหัวพู่กันยาวๆ หัวไม่แหลม เราว่าตัวนี้ไม่เหมทาะสำหรับการเขียน liner
แบบเส้นคมๆนะ เพราะหัวมันไม่แหลม แต่ด้วยความยาว มันก็สามารถแนบไปกับเส้นขนตาได้ดี



Brow Brush
แปรงเขียนคิ้ว ซึ่ง....ขนนุ่มเกินไป ไม่เหมาะกับขนคิ้วแข็งๆแบบเรา เราก็เลยเอามันมาใช้เป็นแปรง
สำหรับลงสีที่ขอบตาแทน เวลาอยากได้เส้นที่ชิดขอบตามากๆ


สุดท้ายเป็นแปรงเดี่ยวอันเดียวที่สั่งมา



Powder Brush 
มาในกล่องเดี่ยวๆแบบนี้นะคะ


เป็นแปรงที่มีขนาดใหญ่โตมากกกกกกกกกก หัวทรงพุ่ม ขนนุ่มนิ่มมากกกกก และที่พิเศษอีกอย่าง คือ
แปรงเดี่ยวทุกอันจะถูกออกแบบให้ตั้งอยู่ได้ด้วยตัวของมัน (ซึ่งมองว่าไม่จำเป็นอีกและ เดี๋ยวก็
โดนชนล้มอยู่ดี -_-) และส่วนตัวเราว่าขนาดมันใหญ่มากกกเกินไปหน่อย จนดูเหมือนเป็นแปรง
finishing ไว้ปัดแป้งส่วนเกินมากกว่า ที่สำคัญด้วยหัวที่กระจายเป็นพุ่มของมัน เหมือนจะทำให้
เนื้อแป้งไม่ต่อยติดแปรงด้วยอ่ะ..... :(


จบแล้ววววว เป็นยังไงกันบ้างงงงง ถ้าถามอายว่ามันดีไหม มันก็ดีในระดับนึงนะ แต่ถึงมันจะไม่ดียังไง
อายก็รักอยู่ดี เพราะแซมทำ ฮ่าๆๆๆๆ หลงมากกกกก ก็ถ้าใครชอบแปรงนุ่มๆ และไม่มายด์กับความเป็น
ขนสังเคราะห์ ตัวนี้ก็อาจเป็นอีก 1 ทางเลือกที่ดี

หวังว่ารีวิวนี้คงจะเป็นประโยชน์กับหลายๆคนนะคะ :)

ตอนนี้ยุ่งมากกกกก อยากลงรีวิวหลายอย่างมากกกกก ไม่มีเวลาเลย ยังไงจะพยายามทยอยหาของ
มาอวดนะ เวลามีคนซื้อตามแล้วสุขใจมากเลยอ่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ

ไปก่อนล่ะค่า ดูแลสุขภาพด้วยนะคะทุกคน ^3^

8.11.2554

Review: The White Salon สปามือเท้าเล็กๆบริการใหญ่ๆ

สวัสดีค่า วันนี้มากับแบบดีเล๊ ดีเลย์กับรีวิวนี้ ได้ข่าวว่าไปนานมากแล้วแต่เพิ่งลง เอิ๊กกก
ช่วงก่อนได้มีโอกาสไปทำสปามือและเท้าที่ร้าน The White Salon เส้นสุขุมวิท
งานนี้เลยถือโอกาสชวนพี่สาวไปทำสวยด้วยกันเพราะแอบเขิลลล ไม่เคยทำเล็บเลย >,<
เท้ายิ่งอายมากกก ถึกและสมบุกสมบันเยี่ยงชายชาตรีสุดๆ แต่เอาน่า เป็นไงเป็นกัน
  

ร้าน The White Salon เป็นร้านเล็กๆ 1 คูหาที่ต้องจองล่วงหน้าก่อนนะคะ เพราะเขาบริการลูกค้า
แบบ exclusive คือบริการกันให้เต็มที่เต็มเวลา ไม่ใช่รีบทำรีบเสร็จ ก็เลยเผื่อเวลาไว้ชิลๆ
ไปถึงประมาณบ่าย 2 ครึ่ง



ร้านอยู่ระหว่างปากซอยสุขุมวิท 51 กับ 53 มีที่จอดรถไว้บริการไม่กี่คันเท่านั้น อยู่ทางปากซอย 51

 


บรรยากาศของร้านจัดแจงเป็นสัดส่วน เน้นโทนขาวฟ้า เข้าไปเจอเคาน์เตอร์บริการลูกค้า
ด้านซ้ายมือเป็นส่วนบริการด้านผม เข้าไปกลางร้านเป็นส่วน nail studio และด้านในสุดเป็นส่วนสปา




 หลังจากพูดคุยกันถึงบริการแล้ว ก็มีของว่างและเครื่องดื่มต้อนรับเป็นคุ๊กกี้ธัญพืชและน้ำสมุนไพร
สูตรพิเศษของทางร้าน น่ารักมากๆ สรุปว่าสิ่งที่เราจะทำกันวันนี้ก็คือสปามือเท้า parafin และสปา
หนังศรีษะและเส้นผม โดยทั้งอายและพี่สาวจะได้รับบริการสปามือเท้าและ parafin เหมือนกัน
จะต่างกันตรงที่พี่สาวจะได้ทำสปาหนังศรีษะ เพื่อให้เส้นผมแข็งแรงขึ้น ส่วนอายทำสปาเส้นผม
เพิ่มความเงางามเพราะว่าผมแห้งมากนั่นเอง

 จากนั้นเราก็หย่อนร่างกายลงบนเก้าอี้นวด ทางร้านก็เปิดสั่นจัดหนักแบบกะให้หายเมื่อยกันเลย
ส่วนช่าง 2 คน ทำเล็บมือ 1 และเล็บเท้า 1 ก็เรื่มจัดการทำความสะอาด ตกแต่งรูปทรงเล็บมือเล็บเท้า
โดยของอาย เป็นคนทรงเล็บสั้น ก็เลยตะไบแบบเหลี่ยมนิดๆ จะทำให้ไม่ดูเป็นเด็กบ๊องๆ -_- ส่วนของพี่สาว
ถูกช่างชมนักชมหนาว่าทรงเล็บสวย :) พอทรงเล็บได้รูปกันเรียบร้อยแล้ว (กระบวนการคือแช่น้ำ แคะ แงะ
ตัด ตะไบ) ก็ทำ paraffin กันต่อ 



  
การทำ paraffin คืออะไร? อันนี้อธิบายตามความเข้าใจนะว่า เหมือนกับการเคลือบมือเท้า ไว้ด้วยขี้ผึ้ง
ทำให้มือชุมชื่นไม่แห้งกร้าน อย่างที่เห็นก็คือ เขาจะเอามือเราไปจุ่มในอะไรซักอย่างอุ่นๆ 1 รอบ
พอแห้งก็จุ่มอีก เป็น 3 รอบ จากนั้นเราจะเห็นมือเท้าเราเป็นเหมือนไอติมจุ่ม dipping อ่ะ จุ่มแบบเหลวๆ
พอเอาเอาขึ้นมาแล้วแข็ง เป็นขี้ผึ้ง สนุกดี :) จากนั้นเขาจะเอาถุงพลาสติกมาครอบ แล้วห่อด้วยถุงผ้า
ของทางร้าน ทิ้งไว้ 15-20 นาทีได้ ตอนนั้นแหละเราจะทำอะไรไม่ได้เลยเหมือนเด็กแบเบาะ
โดนใส่ถุงมือครอบไว้ :D
 
ช่วงทิ้งมือไว้ในถุงก็ไปทำสปาผมกันต่อ (ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ -_-) ก็ไม่มีอะไรมากค่ะ เขาก็จะเอาครีมบำรุง
มาบีบใส่โคนเส้นผมแล้วนวดๆทิ้งไว้ ประมาณซักครึ่งชม.ได้ แล้วก็ล้างออกเป่าให้แห้ง ทีนี้ก็จะรู้สึกเบาาา
สบายหัวขึ้นเลยทีเดียว



ส่วนมือเท้า พอเอาออกจากถุงแล้ว ไม่ได้ล้างนะคะ เค้าก็จะนวดๆๆๆให้ต่อพร้อมทั้งลงครีมบำรุง brand ดีๆ

ทั้งนั้น ประโคมกันเข้าไปให้มือนุ๊มมมมนุ่ม แล้วก็ค่อยมาลงสีเล็บกันต่อ อายทาแค่เล็บมือเพราะว่าlส่วนเท้า
เดี๋ยวจะต้องใส่รองเท้าหัวปิด กลัวสีเล็บจะไม่แห้ง ก็เลยเลือกสีเทาๆสุภาพๆของ OPI ส่วนพี่สาว ทาสี
My Private Jet ของ OPI เหมือนกันทาออกมาสวยมากกก เพราะเล็บสวยมือขาว ส่วนเล็บเท้า อยากทา
แต่ใส่รองเท้าเป็นสายรัด ทางร้านก็กลัวเล็บจะแห้งไม่ทันแล้วเลอะเลยวื่งไปซื้อรองเท้าแตะหูคีบ
มาให้ใส่กลับ อันนี้น่ารักม๊ากกกกกกกสุดๆ


 

ยังไม่จบแค่นั้น ก่อนกลับ manager ของร้านยังมีการสอนวิธีการบริหารเท้าง่ายๆด้วยการเหยียบ
แล้ววนฝ่าเท้าบนลูกเทนนิส โดยให้วน 3 ตำแหน่งบนฝ่าเท้า ครั้งละ 5 รอบ ซึ่งจะช่วยเรื่องอวัยวะส่วนต่างๆ
ในร่างกายให้ทำงานดีขึ้นด้วย คล้ายๆกับตำราของจีนที่เขาว่าแต่ละจุดของฝ่าเท้า มีผลต่ออวัยวะส่วนใด
ในร่างกายบ้าง :)

เสร็จภารกิจทุกสิ่งอย่าง ยกนาฬิกาขึ้นมาดูก็ โอวววว 6 โมงเข้าไปแล้ว ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเพลินอยู่ในร้าน
ได้นานขนาดนี้ ถือว่าวันนี้ได้ใช่เวลาช่วงบ่ายผ่อนคลาย ทำสวยดูแลตัวเอง ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้น
กลับบ้านกันแบบมือกรีดกราย รู้สึกสวยขึ้นมาทันใด (ป่าวหรอก กลัวเล็บเลอะ ฮ่าๆๆๆๆๆ)

อย่างไรวันนี้ก็ต้องขอขอบคุณร้าน The White Salon ร้านสปาเล็กๆบริการใหญ่ๆที่น่ารักนี้ด้วยนะคะ
สำหรับรายละเอียดของบริการต่างๆ ตามไปดูได้ที่ website ของทางร้าน
ส่วนตัวคิดว่าราคาทุกอย่างสมเหตุสมผลนะ :)

ถ้าสนใจอยากไปลองใช้บริการ หรืออาจจะเป็นทางเลือกหนึงสำหรับวันแม่ที่จะมาถึงนี้ ในการพาแม่
ไปทำสวย สามารถโทรไปติดต่อสอบถามหรือจองคิวบริการกับทางร้านได้ที่ 02 662 4871 นะคะ


 



สำหรับวันนี้ ลาไปก่อนค่า :)

8.08.2554

How To: Hot Neon แสนแสบแซ่บกว่าไฟงานวัด!!

จุ๊กกรูวววววว์
นานๆทีจะทำฮาวทูนะเรา เห็นหัวข้อเดือนนี้มันอดไม่ได้จริงๆ นีออนเร๊อะ หึๆ
(ร่วมสนุก how to contest ประจำเดือนกับ Jeban.com ในหัวข้อ "Hot Neon" ค่ะ :D)

วันนี้อยากแต่งแบบ graphic สีแมท! สด! คม
เอาให้สนุกสนานเข้าไว้ ไม่มีมาวาวเงามันเยิ้มอะไรให้เสียเวลา สีแน่นๆ เจิดสุด!!!!


อ่ะไปดูอุปกรณ์ที่ใช้


Face
Aniplace: Take Me Skin Recovery BB # 23
Aniplace: Rock Me Youth Makeup Base # Pink
Clinique: Derma White Bright-C Liquid Makeup # 05 Natural
Shu Uemura: Nobara Cream Foundation # 964
Revlon: Age Defying Concealer # 01
Covermark: Loose Powder # Pink Undertone

Eyes & Brows
Skinfood: Choco Powder Eyebrow Wood Pencil # 1
Benefit: Speed Brow
Shu Uemura: Cream Eyeshadow # White
Sleek Makeup: iDivine Makeup Palette # Acid
NYX: Eye Pencil # 930 Teal
In 2 It: Gel Penci Liner # Black
Clinique: Lash Power Mascara
Lancome: Hypenose Waterproof Mascara

Lips & Cheeks
Sleek Makeup: Blush On # Pixie Pink
Barry M: Lip Paint # 62 Vibrant Pink



ตามธรรมเนียมนะคะ before/ after



before (น่ากลัว T_T)/ after


มาละเลงกันเล๊ยยยย!!



(หน้าอืดมากครับพี่น้อง!) ลง brightening base ที่หน้าผาก โหนกแก้ม คาง สันจมูก ลง BB เบาๆทั่วหน้า
หน้าวอกเป็นดวงๆ น่าเกลียดมากกกก ณ จุดนี้!! ต่อจากนั้นลงรองพื้นช่วงแก้มออกไปยังกรอบหน้า
ใช้แปรงเก็บงาน ไม่ต้องหนา ส่วนรองพื้นแบบแห้ง ใช้แทน concealer ปกปิดรอยแดง จะใช้นิ้วหรือแปรงก็ได้
แล้วแต่ถนัดค่ะ



ลง concealer กลบรอยดำใต้ตา ด้วยแปรง blend สีตา เทคนิคนี้ตอนนี้กำลังชอบมากกกก
นอกจากเพลินแล้วยังเนียนด้วย เลยลง blend ช่วงปีกจมูกด้วยก็ได้ค่ะ ส่วนนั้นก็มีรอยแดงอยู่ตามธรรมชาติ
จากนั้นลงแป้งฝุ่นด้วยพัฟนุ่นมให้ทั่วหน้า



ขั้นตอนของตา เราใช้ scotch tape ยาวประมาณ 4 นิ้ว เอามาแปะที่ผิวเราเพื่อลดความเหนียวก่อน
แล้วเอาชิ้นที่ 1 แปะจากใต้ตาเฉียงขึ้นไปทางขมับ อีกชิ้นแปะจากกึ่งกลางคิ้วลงมาให้บรรจบกัน
ที่หางตาเลยออกไป ที่ใช้ scotch tape เพราะอยากให้ look นี้ออกมาดู graphic คมๆ 
ระวังวัดให้ 2 ข้างเท่ากันด้วยนะคะ จากนั้นใช้ cream eyeshadow สีขาวแมต ใช้นิ้วแปะๆ
ให้ทั่วหางตา เปลือกตา และใต้ตาค่ะ




ต่อไปจุ่มสีเขียวสะท้อนแสง ใช้แปรงแบนค่อยๆแตะกดช่วงกึ่งกลางลูกตาออกไปหางตา และจุ่มสีเหลือง
ไล่จากหัวตามาบรรจบสีเขียวที่กึ่งกลางลูกตา blend ให้ทั้ง 2 สีเข้ากันค่ะ ทาให้สีแตะคิ้วเลยนะคะ



จากนั้นแกะ scotch tape ออกได้ เราก็จะเห็นสีเขียวแบบคมมมมกริ๊บ!! จากนั้นใช้ liner สีเขียว
ลง inner ขอบตาล่าง แล้วใช้แปรงหัวตัดจุ่มสีเขียวแตะทับให้ได้สีเขียวแจ่ม



เพื่อความหลายใจอยากใช้ทุกสี เอ้ย! ไม่ใช่! เพื่อให้มีสีที่เชื่อมต่อกับ lipstick ได้ เราใช้แปรงหัวตัด
แตะสีชมพูแปร๋น เก็บใต้ขอบตาล่าง แล้วใต้สีชมพูใช้สีส้ม อืมมม หลายใจจริงๆ
อ่ะมาถึงคิ้ว ที่เก็บไว้ตอนท้ายเพราะถ้าเขียนก่อน แล้วแปะ scotch tape เละแน่ๆพะยะค่ะ
ก็เลยจัดเอาตอนนี้ ใช้ดินสอสีเทาดำ เพราะอยากให้ดู graphic คมๆ เขียนดินสอเสร็จก็ใช้ mascara ใส
จัดทรงขนคิ้วซักนิดนึงจ้า




วันนี้เราจะไม่ลง liner นะ เพราะอยากให้เห็นสีเต็มที่ ถมแค่ inner ก็พอ ใครจะใช้แปรงจิ้ม
หรือใช้ดินสอเลยก็ตามสะดวกจ้า จากนั้นดัดขนตาปัด mascara ให้เด้ง ในรูปนี่อายปัด Clinique 1 รอบ
และ Lancome 2 รอบค่ะ เด้งสะใจ!




แก้มขอมีสีแต่น้อยมากๆๆๆ ใช้สีโทนเดียวกับปาก คือชมพูที่เป็น โทนเย็น ปัดเบาๆที่ลูกแก้มเท่านั้น
ส่วนปากลงไปเลยเต็มที่ ชมพูเหวอๆแน่นๆ!! 



เสร็จแล้ว!!





จุดเด่นที่สุดคงอยู่ที่ตาหลายใจสินะ -_- ใช้มันทุกสี!!



ไปแต่งองค์ทรงเครื่องกันนิโหน่ยยยย





นีออนแบบซนๆ





นีออนแบบแซ่บๆ





นีออนแบบสั่นๆ





เอาตัวหนังสือมาปิดหน้ามัน




จะหมดและๆ




แถมภาพเคลื่อนไหวให้



high key....




low key...


จบแล้วค๊าบบบบบ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาชม 
จริงๆอยากจัดเต็มกว่านี้อีกนี๊ดดดดด แต่มาคิดได้หลังจากล้างหน้าแล้ว กรี๊ด
หวังว่าคงสนุกสนาน เบิกบาน สดใส หลังรับชม how to อันนี้นะจ๊ะ


แล้วเราจะกลับมาใหม่เมื่อไม่ขี้เกียจ
...ฟิ๊วววว................
.......


อ่ะแอบเอารูปข้างบนมาทำใหม่ ชอบมากกกกก อิอิ
พูดเองเออเองนะคนเรา กร๊ากกกกก



ไปละจ้าาา ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาชมค๊าบบบบ จุ๊บๆๆๆๆ ^3^

8.03.2554

Review: Sleek i-Divine Palette "Oh So Special" พิเศษแบบธรรมดา?!?

มาอีกแล้วกับ Sleek Makeup Palette ย้ำนักย้ำหนาว่ารักเหลือเกิดกับ brand นี้
เที่ยวบอกคนใกล้ตัวถึงความเริ่ด ความ pigmented ของมันเสมอๆ
ล่าสุดน่าจะ 2 เดือนที่แล้วออก palette มาใหม่ โทนธรรมชาติ แต่กลับใช้ชื่อว่า
"Oh So Special!" เอ...มันยังไงหนอ

ไปเบิ่งกันเต๊อะ :)


palette มีความ sleek เรียบง่าย สมชื่อ เพิ่งเห็นนะว่ามันเป็น mineral based eyeshadow ด้วย
wow!! เริ่ดเข้าไปใหญ่ คราวนี้แอบลง ingredients ให้ดูด้วย เผื่อใครดูเป็น
แต่อายดูไม่เป็น อ่ะนะ -_-


มาดูกันที่สีข้างใน เปิดออกมา กรี๊ดดดด เป็นโทนธรรมชาติที่มีม่วง พีช ชมพูอยู่ด้วย
หวานก็ได้ smokey ก็ดี วู๊วววว นอกจากนั้นยังเป็น palette แรกที่มีชื่อสีมาให้ :)

palette นี้ประกอบไปด้วย eye shadow เนื้อ matte 7 สีและแบบ shimmer 5 สี
โอ้ว เปรมเลย ชอบเนื้อ matte มากช่วงนี้

มา zoom zoom ดูสีกัน


zoom zoom ดูสี จะเห็นว่าส่วนใหญเป็น matte ซึ่งชอบมากกก ส่วนสีที่เป็น shimmer ได้แก่
Organza, Gift Basket, Glitz, Celebrate และ Gateau ในแถวที่ 2


เอาหละไปดู swatch กัน


................................
..............
....
ขอหยุดกรี๊ดดด มันสวยมากกกกกก

แต่ถ้าจะให้เลือกสีที่ชอบ คงเป็น Gateau เพราะพอทากึ่งกลางเปลือกตาแล้วมันเงาสวยมากกกก
ส่วนอีกสีคือ Wrapped Up เพราะมันออกเทาน้ำตาล หรือ taupe แนวสีที่ชอบโดยส่วนตัวอยู่แล้ว :)

ส่วนสีที่อยากจะติที่สุด คงเป็น The Mail ซึ่งเป็นสีเนื้อที่แทบไม่ออกสีเลย คือหมายความว่า
มันเหมือนไม่ค่อยติดแปรงออกมาด้วย ส่วนอีกสีคือ Glitz เพราะคิดว่ามันไม่ค่อยเข้ากะโทนโดยรวม
แต่ถ้าจะแต่ง smokey มันก็เป็นอีกสีที่ทำให้ look ออกมาสวยเลยทีเดียว

อยากดูเวลาทาบนตากันยัง ?? ;-p



ด้านซ้ายก็คือใช้ zone ซ้ายมือของ palette ส่วนด้านขวาก็ใช้สีเข้ม zone ขวาจ้า

สวยมากกกกกกก น้ำตาร่วงงงง T_T
โอย.... รัก Sleek ที่สุดใน 3 โลก 5 โลกเลยอ่ะ


สุดท้าย ขอเป็นดาวยั่ว อ่อยไว้อีก 3 อย่างนะฮะ



อิอิ แล้วเจอกันเมื่อขยันจ้า ^3^